ชุดเครื่องเสียงรถยนต์ หรือ ชุดเครื่องเสียงติดรถยนต์ ราคาพิเศษ !!ด่วน!!

ชุดเครื่องเสียงรถยนต์ 

ชุดเครื่องเสียงรถยนต์ โดยช่างผู้ชำนาญการ แต่ละชุดเครื่องเสียงรถยนต์ ผ่านการทดสอบโดยการทดลองใช้จริงเรียบร้อย ซึ่งให้เสียงที่ทรงพลังและลำ้ลึก










สิ่งที่ต้องรู้ ในการจัดชุดเครื่องเสียงรถยนต์ เบื้องต้น

ความรู้พื้นฐานในการจัดชุดเครื่องเสียงรถยนต์

เครื่องเสียงรถยนต์ระบบต่างๆ

HI-POWER เป็นระบบพื้นฐานของเครื่องเสียงรถยนต์ และเป็นระบบที่ประหยัดงบที่สุด โดยใช้ภาคขยายจากตัววิทยุ
ไม่ต้องพึ่งพาพาวเวอร์แอมป์ โดยอาจจะเล่นลำโพงคู่หน้าขนาด 5-6นิ้ว ส่วนลำโพงชุดหลัง 6นิ้ว หรืออาจจะ 6x9 ก็ได้

SINGLE-AMP เป็นระบบที่ขยับต่อมาจาก HI-POWER โดยการเพิ่มแอมป์ไป 1ตัว อาจจะเป็นแอมป์ 4CH
เพื่อขับลำโพงทั้ง 2คู่ หน้า-หลัง เพื่อให้เสียงที่ได้นั้นอิ่มแน่นขึ้น และมีรายละเอียดชัดเจนขึ้น

BI-AMP เป็นระบบที่นิยมสูงมากในปัจจุบัน คำว่า BI หรือ 2 ไม่ได้หมายความว่าใช้แอมป์ 2ตัวนะครับ
แต่เป็นการแยกสัญญาณเสียงออกมา 2ชุด คือ กลาง/แหลม และซับวูเฟอร์ออกจากกัน
โดยที่ปัจจุบันนี้สามารถใช้ครอสส์โอเวอร์ในแอมป์ตัดสัญญาณได้เลย ไม่จำเป็นต้องพึ่งพาอีเลคทรอนิคส์ ครอสส์โอเวอร์เหมือนสมัยก่อน

TRI-AMP เป็นระบบที่น่าปวดหัวมากพอสมควร เพราะต้องหาจุดตัดครอสส์โอเวอร์ให้ได้เหมาะสมทั้งหมด 3สัญญาณเสียง
คืือ สูง/กลาง/ตํ่า แยกอิสระกันหมด แต่ต้องออกมากลมกลืน สอดคล้องกันอย่างลงตัว ซึ่งจำเป็นต้องใช้นักจูนมืออาชีพช่วยจัดการ

Class ของ พาวเวอร์แอมป์์


ในเรื่องการแบ่งคลาสของแอมป์นั้น จะแบ่งจากการไปอัดกระแสไฟให้กับทรานซิสเตอร์ ที่ทำหน้าที่ในวงจรขยายเสียง
โดยจะยกตัวอย่างเพียง 4ประเภทดังนี้

1. Class A พาวเวอร์แอมป์ชนิดนี้เน้นในเรื่องของคุณภาพเสียง ค่าความเพี้ยนตํ่า
และเสียงรบกวนน้อยแต่มีข้อเสียในเรื่องของความร้อนที่ค่อนข้างจะสูง
เพราะ มีการป้อนกระแสไฟให้ทรานซิสเตอร์อยู่ตลอดเวลาถึงแม้จะไม่มีสัญญาณอินพุทเข้ามาก็ตาม
และกำลังขับที่ได้นั้นก็ค่อนข้างจะน้อย แอมป์ประเภทนี้จึงเหมาะกับนักฟังที่เน้นรายละเอียดของเสียงกลาง-แหลม ไม่เน้นอัดตูมตาม

2. Class B เป็นการใช้ทรานซิสเตอร์ 2ตัว ทำงานแบบ Push-Pull หรือ ผลัก ดัน ช่วยกันทำงานคนละครึ่งทาง และจะไม่มีการป้อนกระแสไฟล่วงหน้า ซึ่งมีข้อดีคือเครื่องไม่ร้อน แต่ข้อเสียกลับมากกว่าเพราะความผิดเพี้ยนสูงมาก เสียงจึงไม่มีคุณภาพ แต่ในปัจจุบันแอมป์ คลาสนี้คงจะไม่มีแล้ว

3. Class AB เป็นการรวมตัวกันของแอมป์ทั้ง 2คลาสที่กล่าวมา คือใช้ทรานซิสเตอร์ 2ตัว แต่จะมีการป้อนกระแสไฟปริมาณตํ่าๆเอาไว้ล่วงหน้าอยู่ตลอดแต่จะไม่มากเท่าคลา ส A และการจัดวงจรก็ใช้แบบ Push-Pull เหมือนคลาส B จึงทำให้พาวเวอร์แอมป์ประเภทนี้มีคุณภาพเสียงที่ค่อนข้างดี ถึงแม้จะไม่เท่าคลาส A แต่ได้เปรียบในเรื่องของกำลังขับที่มากกว่า
และเกิดความร้อนน้อยกว่า และคลาส AB นี้แหละเป็นแอมป์ที่นิยมมากที่สุดในปัจจุบัน
และสามารถนำไปขับได้ทั้งลำโพงกลาง-แหลม หรือแม้แต่ซับวูเฟอร์ก็ได้

4. Class D เป็นพาวเวอร์แอมป์กำลังขับสูง เน้นหนักในเรื่องพละกำลังเพียงอย่างเดียว แอมป์ชนิดนี้ถูกออกแบบมาสำหรับขับซับโดยเฉพาะ เหมาะกับพวกที่ชอบฟังเพลงหนักๆ เน้นพลังเบส กระแทกแรงๆ

ตู้ปิดและตู้เปิด

การ ตี ตู้นั้นคือการออกแบบตู้ให้มีขนาดเหมาะสมกับลำโพงหรือซับวูลเฟอร์ที่เราจะใส่ ลงไป ซึ่งสำหรับรถยนต์นั้นก็คงจะเห็นกันบ่อยแต่ตู้ซับวูลเฟอร์
เพราะลำโพงที่อยู่ในประตูรถนั้น ในส่วนของประตูนี่แหละที่จะทำหน้าที่เป็นตู้ลำโพงให้นั้นเอง
แต่ถ้าเป็นเครื่องเสียงบ้านเราก็มักจะเห็นลำโพงอยู่ในตู้กันเป็นปกติอยู่แล้ว และหลักการพื้นฐานนั้นก็เหมือนๆกัน
ซึ่งปกติที่พบเห็นกันบ่อยคงหนีไม่พ้น ตู้ปิด และ ตู้เปิด นั้นเอง

1. ตู้ปิด หรือภาษาอังกฤษจะเรียกว่า Acoustic suspension เป็นการออกแบบตู้ซับวูลเฟอร์ให้ปิดทึบทุกด้านตามชื่อของมัน ซึ่งอากาศจะอยู่ภายในตู้นั้นจะไม่มีมีช่องทางให้อากาศไหลเข้าหรือออกไปได้ นั้นเอง แนวเสียงเบสของตู้ชนิดนี้ จะได้เสียงที่แน่น ลงลึก
แถมยัง มีข้อดีที่จูนง่าย รวมถึงยังใช้ขนาดตู้ไม่ใหญ่มาก แต่เสียงที่ได้ค่อนข้างดี และเป็นตู้ที่ผมชอบมากที่สุดอีกด้วย ส่วนข้อเสียคือต้องใช้กำลังขับจากแอมป์ค่อนข้างมากกว่าตู้แบบอื่น แต่ด้วยเทคโนโลยีในสมัยนี้นั้น เรื่องกำลังขับคงไม่ใช่ปัญหาใหญ่ เพียงแต่ต้องเลือกแอมป์และซับวูลเฟอร์ให้เหมาะสมกัน รวมถึงแนวเสียงของซับก็ต้องเลือกให้ถูกใจผู้ฟัง และขนาดตู้นั้นก็ต้องให้เหมาะสมกันด้วย

2. ตู้เปิด หรือภาษาอังกฤษจะเรียกว่า Bass reflex ตู้ชนิดนี้นั้นจะมีรูหรือท่อช่วยระบายเสียงเบส โดยการออกแบบนั้นจะต้องคำนวนให้ดี เพราะต้องคำนึงถึงการผลักของอากาศให้ไปในทิศทางเดียวกันเสมอ จุดประสงค์ของตู้เปิดนั้นคือ ให้เสียงเบสที่ค่อนข้างมาก (ปริมาณเสียงเบส) ในขณะที่ใช้กำลังขับจากแอมป์ที่เท่ากัน ซึ่งข้อดีก็คือได้เสียงที่ดังกว่าตู้ปิด แต่ข้อเสียก็คือคุณภาพเสียงเบสนั้นจะไม่แน่น ลงลึก เท่ากับตู้ปิด รวมถึงขนาดตู้ก็ค่อนข้างจะมีขนาดใหญ่


นอกจากนี้ก็ยังมีตู้แบบอื่นๆอีก เช่น Bandpass ที่หลังๆก็เริ่มได้ความนิยมกันมากขึ้นเพราะดูสวยงาม

Capacitor หรือที่เราคุ้นหูว่า cap คืออะไร


power capacitor หรือที่เราได้ยินกันบ่อยๆว่า cap เป็นตัวสำรองไฟให้กับชุดเครื่องเสียง โดยเฉพาะเครื่องเสียงชุดใหญ่ที่จำเป็นต้องใช้ไฟมากๆ ยิ่งเฉพาะในช่วงที่มีเสียงเบสเยอะๆในระยะเวลาสั้นๆ ไฟจากแบตเตอรี่รถยนต์นั้นอาจจะส่งมาไม่ทันหรือไม่เพียงพอ ทำให้พาวเวอร์แอมป์ไม่สามารถจ่ายพลังงานไปให้ลำโพงได้อย่างเต็มที่ จึงทำให้คุณภาพเสียงที่ออกจากลำโพงนั้นลดลง


เจ้า capacitor จึงเข้ามาช่วยแก้ปัญหาในเรื่องของระบบไฟนี้เอง โดยปกติแล้วมันจะเก็บประจุไฟเอาไว้เต็มอยู่เสมอ แต่เมื่อใดที่พาวเวอร์แอมป์ต้องการกำลังไฟมากขึ้นและแบตเตอรี่ส่งมาให้ไม่ เพียงพอ ไฟที่ถูกเก็บสำรองอยู่ใน capacitor
ก็จะถูกนำมาใช้ในช่วงนั้น แล้วก็จะเริ่มสะสมไฟใหม่อีกครั้งจนเต็ม และจะทำงานอยู่แบบนี้ไปเรื่อยๆ

ใน ปัจจุบันนี้รถหลายๆรุ่น มักจะลดต้นทุนโดยการให้แบตเตอรี่ ลูกเล็กมากับรถ ซึ่งจะเล่นเครื่องเสียงทีก็ลำบากในเรื่องระบบไฟอยู่พอสมควร สังเกตุง่ายๆสำหรับคนที่ไปทำเครื่องเสียงมาอาจจะเปลี่ยนแค่ ฟร้อน แล้วมีอาการ ไฟหน้าจอวูบๆ นั้นแหละครับ อาการของไฟไม่พอ ฉนั้นไม่จำเป็นต้องเครื่องเสียงชุดใหญ่ที่จะต้องใช้ แต่ทั้งหมดขึ้นอยู่กับระบบไฟของรถว่าเพียงพอหรือไม่


เลือกชุดเครื่องเสียงรถยนต์อย่างไร ให้ตรงใจต้องการ

การเลือกชุดเครื่องเสียงรถยนต์

มีวิธีการเลือกใช้อุปกรณ์เครื่องเสียง  เพื่อจัดชุดนำมาใช้งานร่วมกัน  นำเสนอครับ


เฮดยูนิต

     หรือที่เรียกกันว่าฟร้อนท์  ควรให้ความสำคัญเป็นอันดับต้นๆ  เพราะคุณภาพเสียงจะเปลี่ยนแปลงไปอย่างไร  เป็นแบบไหน  อุปกรณ์ต้นทางเครื่องนี้มีส่วนสำคัญอย่างมากทีเดียว
     สำหรับชุดเครื่องเสียงที่ใช้ฟังเพลง  ก็ควรเลือกที่ใช้สำหรับฟังเพลงเพียงอย่างเดียว  ประเภทดูหนังเผื่อไว้ด้วย  คอเพลงขนานแท้ท่านว่าที่สามารถดูหนังได้จะฟังเพลงไม่ไพเราะ  เสียงขาดความกังวาน  เนื่องจากต้องมีการทำงานในหลากหลายหน้าที่  และควรเลือกที่มีภาคปรีเอ้าท์สูงสักหน่อยอย่างต่ำๆก็ควรมีสัก  4  โวลท์  อนาคตต่อเพาเวอร์แอมป์สักเครื่อง  จะได้พละกำลังและคุณภาพเสียงที่ดี  ถ้าจะให้ดีควรมีขั้วต่อภาคปรีเอ้าท์  3  ชุด  สำหรับการต่อเพาเวอร์แอมป์ขับลำโพงชุดหน้าและชุดหลังพร้อมช่องซับวูฟเฟอร์ เอ้าท์  เพื่อการใช้งานกับเพาเวอร์แอมป์ขับซับวฟเฟอร์โดยเฉพาะ 
      ความจำเป็นของปรีแอมป์  ถ้าในกรณีที่เลือกเฮดยูนิตคุณภาพดี  มีภาคปรีเอ้าท์แรงดันสูงหรือมีขั้วต่อครบสำหรับลำโพงชุดหน้า-หลังและซับ วูฟเฟอร์  การเพิ่มปรีแอมป์ก็ไม่จำเป็นนัก  ยกเว้นเสียแต่ว่าอยากได้การปรับแต่เสียงตามใจชอบ  เพิ่มเสียงในช่วงความถี่ต่างๆ  หรือต้องการบุคลิกของปรีแอมป์มาช่วยเสริมคุณภาพเสียง  เช่น  ปรีแอมป์ที่มีหลอดร่วมทำงาน  อันนี้ก็ตามสะดวกใจ  แต่ในลำดับต้น  ควรเลือกฟร้อนท์ที่มีคุณภาพดีและทุ่มงบไปที่ฟร้อนท์ก่อนนึกถึงปรีแอมป์ ครับ 

เพาเวอร์แอมป์รถยนต

    ควรใช้เพาเวอร์แอมป์กี่แชนแนล  ระบบคลาสเอบี  คลาสดี  หรือว่าคลาสไหนเหมาะสมอย่างไร   ประเด็นแรกสุดคือดูความต้องการของระบบเสียงในรถ  ในกรณีที่มีลำโพงชุดหน้าและหลังก็ควรจะใช้เพาเวอร์แอมป์ 4  แชนแนล  สำหรับขับลำโพงชุดหน้าและหลัง  ถ้ามีลำโพงซับวูฟเฟอร์ร่วมด้วย  เพาเวอร์แอมป์  5  แชนแนลดูจะครบ  ตรงความต้องการมากกว่า  ทั้งสามารถขับลำโพงชุดหน้าและชุดหลังรวมถึงขับซับวูฟเฟอร์  แต่ในบางกรณีอาจใช้เพาเวอร์แอมป์  4  แชนแนล  โดยใช้ขับลำโพงคู่หน้าและบริดจ์เพื่อขับลำโพงซับวูฟเฟอร์  ลำโพงคู่หลังปล่อยให้เป็นหน้าที่สำหรับไฮเพาเวอร์จากฟร้อนท์  แต่อย่าลืมว่าการมีเพาเวอร์แอมป์แยกขับลำโพงหลายตัวก็จะดีกว่าในด้านพลัง เสียงที่ได้

เพาเวอร์แอมป์รถยนต์ คลาสเอบี และคลาสดี  

     เทียบความแตกต่างกันในด้านบุคลิกเสียงจะพบว่า  คลาสเอบีส่วนใหญ่ให้เสียงได้ราบรื่นกว่า  มีการแยกน้ำหนักเสียงดังเบาได้เด่นชัดกว่า  สำหรับคลาสดีนั้น  ส่วนใหญ่ถูกสร้างมาให้ทำงานเฉพาะช่วงความถี่  โดยจะทำงานช่วงความถี่ต่ำสำหรับให้นำไปขับลำโพงซับวูฟเฟอร์โดยเฉพาะ  ในเรื่องเสียงให้พละกำลังได้มากกว่า  เหมาะสำหรับชุดเครื่องเสียงที่ต้องการพละกำลังจากเพาเวอร์แอมป์  สำหรับสร้างพลังเสียง  แต่ในเรื่องรายละเอียดและการแยกน้ำหนักเสียง  เพาเวอร์แอมป์คลาสเอบีสามารถทำได้ดีกว่า  อันนี้เทียบกันด้วยคุณภาพและราคาที่เท่าเทียมกันนะครับ

ไบแอมป์-ไทรแอมป์  

ชุดเครื่องเสียงใดมีเพาเวอร์แอมป์ในระบบมากกว่า  1  เครื่อง  ย่อมให้พลังเสียงที่มากกว่ามีเครื่องเดียว  การเล่นแบบไบแอมป์(แอมป์ 2 เครื่อง)หรือไทรแอมป์(แอมป์ 3 เครื่อง)  พลังเสียงที่ขับลำโพงก็จะยิ่งมากตามไปด้วย  พลังเสียงที่เพิ่มขึ้นมาจะช่วยแยกน้ำหนักเสียง  เพิ่มแรงปะทะ  รวมถึงสามารถขับลำโพงได้เต็มประสิทธิภาพมากขึ้น  แต่การมีเพาเวอร์แอมป์มากกว่า  1  เครื่อง  จะต้องเพิ่มเงินในส่วนของค่าสายต่างๆ  ซึ่งอาจจะต้องลดคุณภาพและราคาของเพาเวอร์แอมป์เพื่อให้ได้ปริมาณดังที่ ตั้งใจ  และการมีเพาเวอร์หลายเครื่อง  ส่งผลถึงการจูนเสียงที่ยากขึ้น  มีผลต่อสมดุลเสียง  การทุ่มงบไปกับเพาเวอร์แอมป์คุณภาพเพียงเครื่องเดียว  ย่อมเป็นทางออกที่ประหยัดและไม่ยุ่งยากในภายหลัง

กำลังวัตต์จำเป็นไหมที่ต้องเลือกสูงๆ  

     ในเพาเวอร์แอมป์รถยนต์บางเครื่องบอกกำลังขับไว้สูงมาก  แต่ไม่ได้หมายความว่าเพาเวอร์แอมป์เครื่องนั้นจะให้ประสิทธิภาพ  พละกำลัง  แสดงรายละเอียดของเสียงออกมาได้อย่างดี  กับเพาเวอร์แอมป์บางเครื่อง  บอกกำลังขับไม่สูงนัก  แต่มีพลังผลักดันลำโพงให้ถ่ายทอดพลังและรายละเอียดเสียงได้อย่างมีคุณภาพที่ ดี  กำลังวัตต์จึงไม่ใช่ตัวเลขสำคัญในการตัดสินใจเลือกซื้อเพาเวอร์แอมป์สัก เครื่อง  ให้พิจารณาไปที่คุณภาพการผลิต  ชิ้นส่วนในการผลิต  รวมถึงชื่อของผู้ผลิต  อันจะทำให้มั่นใจว่าได้สินค้าที่มีคุณภาพ  เหนือใดอื่นคือต้องลองฟังด้วยตนเอง

ลำโพงรถยนต์

    การเลือกลำโพงไม่ยากครับ  เพราะเป็นอุปกรณ์เครื่องเสียงที่มองเห็นได้ชัดเจนแทบจะทุกสัดส่วน  แต่การเลือกลำโพงให้ได้คุณภาพที่ดี  คุ้มราคา  และถูกหูเมื่อฟัง  ไม่ใช่เรื่องง่ายที่ใช้เพียงสายตาดูเลยละครับ 
       ลำโพงมีหลากหลายรูปแบบ  รวมถึงหลาหลายวัสดุและกรรมวิธีที่ใช้การผลิต  คุณภาพเสียงที่ได้จึงแตกต่างกันไป  ลองมาดูว่าควรเลือกใช้ลำโพงแบบไหนในกรณีอย่างไร

       ลำโพงแกนร่วม 

 ลำโพงชนิดนี้ดอกลำโพงเสียงแหลมมักจะอยู่ร่วมเป็นชิ้นเดียวกับตัวดอกลำโพง เสียงกลางทุ้ม เรียกว่าไปติดตรงไหนไปด้วยกัน  แยกกันไม่ออก  อาจจะมีพาสซีพครอสโอเวอร์แยกมาให้หรือติดตั้งอยู่กับตัวดอกลำโพง  ขึ้นอยู่กับคุณภาพของลำโพงนั้นๆ  ส่วนมากเราใช้ลำโพงแกนร่วมสำหรับเป็นลำโพงคู่สำรองหรือคู่ที่ไม่ได้เน้นการ ฟังเพลง  เพียงแค่ต้องการเสียงเบาๆจากลำโพงนี้เท่านั้น  เช่น  ติดลำโพงคู่หน้าและคู่หลัง  เพื่อประหยัดงบประมาณก็สามารถติดลำโพงแกนร่วมด้านหลังได้  เนื่องจากไม่ได้เน้นคุณภาพเสียงเท่าคู่หน้า  ติดเพียงเพื่อให้สมาชิกที่นั่งหลังมีส่วนร่วมในการฟังเพลง      

        ลำโพงแยกชิ้น  2  ทาง  

     เป็นชุดลำโพงที่ได้รับความมิยมและเลือกใช้มากที่สุดในการเลือกเครื่องเสียง รถยนต์  เหตุเพราะว่ามีเพียงดอกลำโพงเสียงแหลมและเสียงกลางทุ้มอุปกรณ์น้อยชิ้นติด ตั้งไม่ยุ่งยาก  มีให้เลือกฟังเลือกใช้งานหลากหลายยี่ห้อ  ตามคุณภาพและวัสดุที่ใช้ผลิต  ในการเลือกลำโพงนั้นจำเป็นที่สุดคือต้องลองฟัง  ลำโพงบางคู่ให้เสียงธรรมดาเมื่อขับด้วยเพาเวอร์เครื่องหนึ่ง  แต่จะให้คุณภาพเสียงที่ดีเยี่ยมเมื่อขับด้วยเพาเวอร์แอมป์อีกยี่ห้อหนึ่ง  เพราะฉะนั้นท่านผู้อ่านลองฟังลำโพง  ควรลองฟังหลายหลายชุดสลับเปลี่ยนกัน  เพื่อให้ได้คุณภาพเสียงเต็มประสิทธิภาพที่ลำโพงคู่หนึ่งจะให้ได้  และอย่าตัดสินลำโพงคู่นั้นด้วยการฟังเพียง  5  นาทีหรือแค่เพลงเดียว    

      ลำโพงแยกชิ้น  3  ทาง 

     กำลังมาแรงและเป็นที่ได้รับความนิยม  มากที่สุดที่เห็นคงจะเป็นในส่วนของการแข่งขันสนามต่างๆ  ว่ากันว่า  3  ทางให้เสียงกลางที่ดี  สามารถยกเวทีเสียงให้สูงได้  เมื่อติดตั้งอย่างเหมาะสม  แต่ด้วยจำนวนดอกลำโพงที่มากขึ้น  อาจเกิดปัญหาความไม่สมดุลของเสียง  หรือการออกแบบพาสซีพครอสโอเวอร์ไม่ดีพอ ก็จะทำให้ลำโพงนั้นขาดความไพเราะ 

        ลำโพง  6  คูณ  9  นิ้ว   

    หรือที่นิยมเรียกกัน ว่าลำโพงรูปไข่  เนื่องจากมีรูปลักษณ์ที่เป็นวงรี  ลำโพงประเภทนี้เหมาะสำหรับท่านที่ต้องการพลังและปริมาณเสียงทุ้มมากกว่า ลำโพงแยกชิ้น  2-3  ทางสักหน่อย  เนื่องจากตัวดอกลำโพงเสียงกลางทุ้มมีขนาดที่ใหญ่  จึงผลักดันปริมาณเสียงทุ้มออกมาได้มากกว่า  เป็นอีกทางเลือกสำหรับงบประมาณที่จำกัด  แต่ต้องการปริมาณของเสียงทุ้มที่เพิ่มขึ้น
       สำคัญที่สุดสำหรับลำโพงไม่ใช้การเลือกซื้อครับ  แต่เป็นการติดตั้งที่พิถีพิถัน  ใส่ใจในการหาตำแหน่งที่ดีที่ตรงตามต้องการของท่านผู้อ่านให้มากทั้งสุด  ทั้งความสวยงามและคุณภาพเสียง

       ลำโพงซับวูฟเฟอร์ 

     เป็นลำโพงที่ว่ากันด้วยเรื่องเสียงทุ้มอย่างเดียวครับ  ทุ้มต้นทุ้มลึกก็ล้วนออกมาจากลำโพงซับวูฟเฟอร์  ผู้อ่านท่านใดไม่พอใจเสียงทุ้มจากลำโพงกลางแหลมคู่เดิม  อยากได้เสียงทุ้มอิ่มลึก  พลังเสียงที่กระแทกกระทั้น  ก็คงจะต้องกล่าวกันถึงลำโพงซับวูฟเฟอร์  การเลือกลำโพงประเภทนี้ไม่ยากนักครับ  วัสดุที่ใช้ทำกรวยลำโพงควรแข็งแกร่ง  รวมถึงขอบเซอร์ราวน์ควรเหนียวนุ่ม  มีความยืดหยุ่นสูง  สไปเดอร์ควรยึดกระบอกวอยส์คอยของลำโพงได้เป็นอย่างดี  โครงลำโพงต้องแข็งแกร่ง  ซึ่งสิ่งที่กล่าวมาจะส่งผลต่อการรับกำลังขับสูงๆ  แต่สิ่งสำคัญที่สุดคือ  การหาปริมาณและตำแหน่งที่ติดตั้งของตู้ลำโพงซับวูฟเฟอร์ครับ

       อุปกรณ์เสริมประเภทสายต่างๆ

    ควรให้ความสำคัญครับ  ส่งผลโดยรวมต่อคุณภาพเสียงทั้งนั้น  ไม่ว่าจะเป็นสายไฟ  สายสัญญาณ  สายลำโพง  อย่าคิดว่าสายแบบไหนก็ส่งผ่านสัญญาณเสียงและกระแสไฟได้เหมือนกัน  สายไฟที่ผลิตจากตัวนำที่ดีย่อมส่งผลถึงคุณภาพในการไหลผ่านของกระแสไฟ  รวมถึงขนาดก็มีความสำคัญของปริมาณกระแสไฟที่ไหลผ่าน  สายสัญญาณส่งผลต่อรายละเอียดที่มาจากเฮดยูนิตเพื่อนำสู่ภาคขยายของเพา เวอร์แอมป์  สัญญาณเสียงจะเปลี่ยนแปลงไปอย่างไร  ครบถ้วนตกลงหล่นขาดหายหรือไม่  คุณภาพของสายสัญญาณเป็นตัวกำหนดสำคัญ  สายลำโพงคุณภาพของตัวนำและขนาดส่งผลโดยตรงต่อรายละเอียดและพลังเสียง  เมื่อต้องใช้สายลำโพงที่มีขนาดยาว  ก็ยิ่งควรให้ความสำคัญกับคุณภาพสายลำโพงให้มากขึ้น  เพื่อคุณภาพเสียงไม่ตกหล่นก่อนเข้าสู่การทำหน้าที่ของดอกลำโพงครับ
     คำกล่าวทั้งหมดในการเลือกใช้อุปกรณ์เป็นเพียงแนวทางในการตัดสินใจ  หลังจากท่านผู้อ่านตัดสินใจเลือกซื้อเครื่องเสียงเพื่อฟังเพลงสักชุด  ควรให้ความสำคัญต่อการติดตั้ง  เพราะเครื่องเสียงอุปกรณ์เหมือนกัน  สิ่งที่จะทำให้แตกต่างกันมากที่สุดคืองานติดตั้ง  ใส่ใจสักนิดก่อนจ่ายเงินเพื่อให้ได้ชุดเครื่องเสียงที่ถูกใจ  คุณภาพเสียงไพเราะเข้าหูครับผม

 

ความรู้เบื้องต้นในการเลือกซื้อชุดเครื่องเสียงติดรถยนต์

หลักการเลือกชุดเครื่องเสียงรถยนต์

1.front เป็นตัวปล่อยสัญญาณ ชั่วโมงนี้คงยกให้ alpine pioneer ลองดูที่ราคา 1 หมื่นขึ้นไปครับ
2.amp เป็นตัวขยายสัญญาณไปยังลำโพงต่างๆ เพราะfront แรงขับไม่พอที่ดีๆหน่อยก็ 15000up ขึ้นไป ถ้าอยากสุด. เป็นผมส่วนนี้เตรียมงบซัก 6 หมื่นขึ้นไปกำลังดี ยี่ห้อนิยมมี audison purist arc ceresta alpine genesis dls helix performance mosconi ฯลฯ
3.ลำโพง
3.1 ลำโพงคู่หน้า มีแบบ 3 ทาง และ 2 ทาง คุณภาพว่าตามราคา และราคาแพงจะใช้  watt สูง  ซึ่ง watt สูงก็จะทำให้ amp ใช้ขับต้องสูงไปด้วยครับ  ยี่ห้อฮิตๆมี morel focal hertz microprecision mtx scanpeak boston ฯลฯ ซี่งความเห็นผมลำโพงคู่หน้าที่ดีความเป็นดนตรีสูงราคาเริ่มต้นอยู่ที่ 2 หมื่นขึ้นไปคับ. ส่วนคู่หลังไม่ต้องใช้ก็ได้ เพราะกระเป๋าเริ่มฉีก
3.2 ลำโพง sub woofer ลำโพงที่กำเนิดเสียงต่ำขนาดนิยมมี 10 นิ้ว 12 นิ้ว ตีตู้ไว้ท้ายรถ เมียบ่น เสียตังค์. ลูกเอานิ้วจิ้ม แต่มีแล้วเพิ่มความมันส์เป็นเท่าตัว ยี่ห้อนิยมก็มี JL. morel kicker mtx boston imagedinamic  focal ราคาเริ่มตั้งแต่ 5 พันยัน 2 หมื่น เป็นผมเลือกที่หน้าตาคับ Sub จะกินวัตถ์มากให้ดูตัวแอมป์ขับดีๆคับ ตัวที่เล่นกันเยอะๆราคาจะอยู่ราวๆ 10,000+-
4.อื่นๆ การติดตั้งและสายไฟ เตรียมงบราว ๆ 2-3 หมื่นครับ

เกร็ดความรู้เรื่องในการติดตั้งชุดเครื่องเสียงรถยนต์

เกร็ดความรู้เรื่องในการติดตั้งชุดเครื่องเสียงรถยนต์ต่างๆ

   การ ใช้ปุ่ม roundness หรือ ปุ่ม MX (Media Xpander) อาจจะทำให้เสียงเบสหนักขึ้น และเสียงกลางแหลมผิดเพี้ยนไป การใช้ควรปรึกษาช่างที่ชำนาญว่าจะใช้ในโอกาสใด เช่น แบบ Hi-Power หรือแบบมี Power amp

   การปรับเกนวอลลุ่มของวิทยุ ถ้าจะให้สุดยอดต้องปรับระดับเกนอยู่ที่ 80 เปอร์เซ็น แล้วจึงมาปรับแต่งวอลลู่มที่ปรีตามความต้องการ เสียงที่ได้ออกมาจะมีความอิ่มเอิบมากกว่า

   แผ่นซีดีที่จะนำไปเล่นกับ เครื่องเสียง ขณะใช้มือสัมผัสนั้น จะต้องแน่ใจแล้วว่ามือนั้นได้สะอาด โดยไม่ควรเปื้อน ของหวาน, ขนมขบเคี้ยว หรือ ไม่ว่าจะเป็น ของคาว ก็ตาม มิฉะนั้น แล้วอาจจะทำให้มดเข้าไปทำรังภายในเครื่องเล่น หรือ เครื่องเสียงของท่าน ได้

   เสียงจะดีเข้าขั้นอยู่ที่องค์ประกอบต่างๆ เช่นแผ่นซีดีที่จะเปิด ถัดมาเป็นระบบใดๆ, AMP, ลำโพง, แหล่งกำเหนิดคุณภาพขั้นไหน, เซ็ทจูนเข้ากันเพียงใด, นั่งฟังตำแหน่งไหน เป็นต้น

   ชุดประมวลผล จะมีความได้เปรียบเกี่ยวกับการเลือกแนวเพลงที่ฟังได้หลายเมมโมรี่ ซึ่งสามารถเลือกความถี่เสียงความลาดชันของเสียงได้อย่างแม่นยำตามสไตล์ที่ เราต้องการซึ่งจะมีอยู่ในชุดถอดรหัส

   ระบบเสียงที่ดียิ่งยวด ปัจจุบันใช้เป็นระบบถอดรหัสที่เป็นทั้งอินพุท แบบดิจิตอล และอนาล็อค สามารถแยกเสียงชุดหน้าเป็นระบบ TRI-AMP และหลังเป็น BI-AMP และแยกความถี่ได้ชัดเจนทั้งกลางแหลมหน้า/หลัง และซับวูฟเฟอร์ ซึ่งเหนือชั้นกว่าปรีแอมป์ และคลอสส์โอเวอร์โดยทั่วไปฯ

   ในการ ฟังเสียงเพลง ตำแหน่ง ซ้าย และ ขวา ถ้าฟังจากจุดนั่งฟัง แล้วตำแหน่งเสียงไม่อยู่กลางเวที ( หน้ากระจกรถ ) สามารถปรับตำแหน่ง BALANCE ให้ลงตัวได้ โฟกัสของเสียงจะดีขึ้น ซึ่งตำแหน่ง BALANCE นี้ ไม่จำเป็นต้องอยู่ที่ตำแหน่ง CENTER

   มีข่าวมาฝาก ตั้งแต่วันนี้ทางทีวีช่อง 3 ได้เปลี่ยนระบบการส่งสัญญาณคลื่นเป็นแบบ UHF จากเดิมเป็นระบบ LHF ซึ่งจะทำให้การรับสัญญาณภาพคมชัดขึ้น สามารถปรับไปรับสัญญาณได้ที่ช่อง 32

   แบตเตอร์รี่แห้ง แอมป์แปร์สูงสามารถใส่แทนแบตเตอร์รี่เดิมที่มากับรถได้ เชื่อหรือไม่ว่าทำให้ระบบไฟของรถ และเครื่องเสียงรถดีขึ้นมากกว่าเก่า เช่น รอบเครื่องยนต์ดีขึ้น, ออกตัวดีขึ้น, อัตราเร่งแรงขึ้น และเครื่องเสียงมีพลังดีขึ้นมาก

   เสียงเบสถ้าตีตู้ซับเป็นตู้ สูตรปิด ขณะเปิด-ปิด ฝากระโปรงรถด้านท้ายเสียงเบสจะมีความแตกต่างกัน แก้ไขได้โดย NORMAL เป็น REWORD หรือ REWORD เป็น NORMAL ก็จะได้เสียงเบสที่สมจริงตามอะคูดติกของรถ

   ระบบไฟเกี่ยวกับตัว ฟรอนท์ ควรจะต่อให้ครบโครงสร้างที่โรงงานออกแบบมา เช่นสายGROUND สายBACKUP สายACC ถ้าไปต่อไฟตรงรวมทั้งหมดอาจจะเกิดผลกระทบข้างเคียงได้

   แผ่น ซับเสียง (DAMPING) มีส่วนสำคัญที่ทำให้รถเงียบ และชุดเครื่องเสียงมีความนิ่งขึ้น เพราะส่วนประกอบของแผ่นซับเสียงมีสารเคลือบพิเศษช่วยลดการสะท้อนของเสียง

   เสียง ในระบบเครื่องเสียง จะดีไม่ดี ขึ้นอยู่กับแผ่นซีดีเพลงที่เปิดด้วยว่าอัดในระบบ 1 บิท หรือ 24 บิท คุณภาพของแผ่น บิทมากบิทน้อย ก็มีส่วนทำให้เสียงดีด้วย (นอกเหนือจากระบบที่ติดตั้งที่ดีอยู่แล้ว)

   ระบบไฟถือว่าสำคัญ มั่นตรวจดูแบตเตอรรี่ให้อยู่ในสภาพดีเสมอ เช่น ขั้ว + และ - ให้แน่น อย่าให้มีขี้เกลือ ถ้ามีให้ใช้น้ำร้อนราด และทาด้วยจารบี มั่นตรวจดูน้ำกลั่นอย่าให้ต่ำกว่าที่กำหนด ฯ

   วิทยุ CD ที่แบบถอดหน้าปัดท์ได้ ถ้าใช้ไปนานๆ มีอาการติดๆดับๆ ควรถอดมาล้างคอนแทรค เพื่อล้างสิ่งสกปรกที่ติดอยู่ที่คอนแทรคอาจเป็น เขม่า หรือ ฟักส์ (คราบขี้เกลือ) เพื่อให้กลับมาใช้งานได้ดังเดิม

   ในกรณีติด ตั้ง TV MONITOR ในรถยนต์ เวลาทำความสะอาดควรระวังหน้าจอ ห้ามใช้น้ำยาที่มีส่วนผสมแอลกอฮอล์ หรือ แว๊กซี่ เพราะอาจทำให้จอหม่นหมอง เป็นคราบ และเป็นรอยได้ ควรใช้ผ้าละเอียดๆ เช็ด เช่นผ้าเช็ดแว่นตาดีกว่าเป็นต้น

   มีข่าวมาฝาก เราจะเห็นกันบ่อยตามหน้าหนังสือพิมพ์ ในกรณีล้อยางรถระเบิดจนทำให้เกิดอุบัติเหตุ ส่วนหนึ่งคือ ยางที่เติมลมแบบอ๊อกซิเจน ถ้าวิ่งเร็ว อากาศร้อน แดดจัด ล้อยางอาจขยายตัว (เพิ่มแรงดัน) แก้ไขได้โดยเติมลมแบบไนโตรเจนจะช่วยลดปัญหานี้ได้โดยสิ้นเชิงเพราะไนโตรเจน ไม่ขยายตัว (หาเติมลมได้ตามศูนย์ล้อยางรถยนต์ ที่มีชื่อเสียง)

   วิทยุ/ซี ดี หรือ ดีวีดี/ทีวี ขณะที่ใช้งานถ้ามีเพาเวอร์แอมป์อยู่ด้วยในชุดในการเปิดนาทีแรก (หลังจากผ่านการเบริน์อินไปแล้ว) เสียงอาจจะยังไม่เข้าที่ หรือได้โฟกัส ต้องอย่างน้อยครึ่งชั่วโมงไปแล้ว เสียงถึงจะเข้าที่ และเสียงดีขึ้นเนื่องจากอุปกรณ์นั้นต้องผ่านการวอมเสียก่อน

   วิทยุ/ซี ดี หรือ ทีวี รุ่นใหม่ๆ เช่น PIONEER, ALPINE, CLARION, และ JVC ฯ ถ้าเปลี่ยนแบตเตอรี่รถยนต์ หรือถอดขั้วแบตเตอรี่ ออกเมื่อใดค่าต่างๆ ที่ตั้งไว้จะถูกลบทันที (หรือภายในระยะเวลาที่รุ่นนั้นจะมีหน่วยความจำอยู่นานเท่าใดอาจเป็นชั่วโมง หรือ เป็นวันๆ) ไม่ต้องแปลกใจที่เสียงและภาพเปลี่ยนไปเพียงแค่ตั้งค่าใหม่ โดยการเซ็ตอัพใหม่ก็จะได้เสียง และภาพที่ดีเช่นเดิม

   การเบิรน์อิน เครื่องเสียง โดยปกติแล้วต้องมีการใช้งานอยู่ระหว่าง 100-200 ชั่วโมง เป็นขั้นต่ำเครื่องเสียงถึงจะมีการเข้าที่ให้ประสิทธิ์ภาพเกือบเต็มร้อย เปอร์เซ็น และช่วงที่ผ่านพ้นเบิรน์อินแล้วควรมีการเซ็ตอัพใหม่ เพื่อคุณภาพเสียงมีประสิทธิภาพสูงสุด

   ติดตั้งเครื่องเสียงรถยนต์ใหม่ๆ อาจจะมีกลิ่นของกาวหุ้มพรม หรือหนัง จากแผ่นไม้ MDF ชนิดการอบน้ำยาค่าเชื้อ มอด วิธีแก้ไขดับกลิ่นเบื้องต้น แนะนำให้เอาถ่านหุงข้าว (ถ่านไม้ดำ) ใส่ถาดวางไว้ที่เก็บสัมภาระด้านหลังรถ หรือในรถ ทิ้งไว้สัก 2-3 วันเพื่อดูดกลิ่น

การรักษาเครื่องเสียงรถยนต์

1. การดูแล และการรักษาเครื่องเสียงภายในรถยนต์ ถ้าจอดรถในที่โล่งแจ้งที่มีแดดควรมีม่านบังแดดไว้ที่ลำโพงด้วยไม่อย่างนั้น อาจทำให้ลำโพงเสื่อมได้ เช่น ขอบลำโพงเปื่อย, วอย์คอยน้ำยาละลาย และกรวยลำโพงซีดได้ และจะทำให้เสียงที่ออกมาไม่ดีเท่าที่ควร (ฟิลม์ติดรถยนต์ไม่สามารถช่วยอะไรได้มาก)
2. สตารท์เครื่องยนต์รถทุกครั้งควรปิดวิทยุเทปเสียก่อน (ถ้าเปิดฟังอยู่) ไม่อย่างนั้นอาจทำให้วิทยุเทปเสียหายได้ เนื่องจากไฟกระชากขณะสตารท์รถ
3. แบตเตอรี่รถยนต์หมั่นดูน้ำกลั่นอย่าให้ขาด ระดับน้ำกลั่นลดกว่าที่กำหนด แบตเตอรี่ถ้าครบอายุการใช้งานควรเปลี่ยนใหม่ และการเปลี่ยนแบตเตอรี่
ใหม่นั้นควรจะต้อง Slow ชารท์ไว้ก่อนอย่างน้อย 3-6 ชั่วโมงจึงนำมาใส่ในรถยนต์ แบตเตอรี่จะให้กำลังไฟอย่างมีคุณภาพเต็มร้อยเปอร์เซ็น 
WMA (Window Media Audio) Playback
WMA
เท คโนโลยี่ล่าสุดแห่งอนาคตของการจัดเก็บข้อมูลในรูปแบบของ Audio ซึ่งพัฒนาขึ้นโดย Microsoft และสามารถเล่นได้กับเครื่องเล่น MP3 ที่เล่น WMA ได้ จึงทำให้คุณภาพเสียงที่ออกมามีความสมบูรณ์มากกว่าคุณภาพเสียงที่ได้จาก MP3 เพียงคุณใช้ Window Media Player Version 7/7.1 หรือ Window Media Player For XP เพื่อใช้ในการบันทึกเพลงโปรดของคุณให้เป็น "WMA" Files

เรื่องของเพาเวอร์แอมป์
CLASS "D"
ตัว "D"ไม่ได้ย่อมาจากคำว่า DIGITAL อินพุทถูกแปลงเป็นออดิโอ เวฟฟอร์ม ไบนารี 2 สเตท ความแตกต่างเป็นเรื่องสำคัญ เพราะ CLASS D ออกแบบให้ช่วยปรับปรุงประสิทธิภาพ แทนที่จะต้องเสียกำลังไปในทรานซิสเตอร์ เอาท์พุทก็จะถูกไม่เปิดตลอด ไม่มีโวลเทจเสีย ก็ปิดตลอด ส่งผลให้ประสิทธิภาพเต็มร้อยเปอร์เซ็นต์ดังนั้นอินพุทออดิโอถูกแปลงเป็น PWM (PULSE WIDULATED) ร่องสีเหลืองที่อยู่ขางใต้คือ เอาท์พุทของแอมพ์ ร่องสีฟ้าคือ เวฟฟอร์ม PWM เวฟฟอร์มสีฟ้าจะถูกป้อนให้กับฟิลเตอร์เอาท์พุท ซึ่งให้ผลเป็นเวฟฟอร์มเอาท์พุทสีเหลือง สังเกตว่า เอาท์พุทจะดูเหมือนอะไรบางอย่างที่เสียไปสัญญาณที่เสีย และเสียงสวิทชิงทั้งหมดไม่สามารถเอาออกไปได้ และจะเห็นผลได้ที่นี่ เพราะขั้นตอนการแปลงสัญญาณอินพุทไปเป็น pwn และแปลงกลับไปเป็นแอนาลอก ทำให้เกิดการเสียของสัญญาณไป ฟีดแบคทั่วไปก็เหมือนกับที่ใช้ในการออกแบบแอมพ์ CLASS "AB" เพื่อลดการเสียของสัญญาณ มอสเฟทเป็นทางเลือกเดียวสำหรับการออกแบบ CLASS "D" ซึ่งการออกแบบส่วนใหญ่จะมีประโยชน์แต่กับเพียงเบสส์แอมพ์ เมื่อมันไม่สามารถสวิทช์ได้เร็วเพียงพอ กับการผลิตความถี่สูงอีกครั้ง การออกแบบ CLASS "D" ฟลูล์เรนจ์คุณภาพสูงยังคงหาได้ ในเครื่องเสียงระดับมืออาชีพ แต่มันจะซับซ้อนกับเอาท์พุทมัลทิเฟล

*****CLASS "T"******
CLASS T (TRIPATH) เหมือนกับ CLASS D แต่ไม่ใช้ฟีดแบค แอนาลอก เหมือนกับ CLASS D ฟีดแบคจะเป็นสัญญาณดิจิทอล และเกิดกับส่วนบนของฟิลเตอร์เอาท์พุท เพื่อหลีกเลี่ยงการยกเฟสของฟิลเตอร์นี้เพราะการเสียของสัญญาณในแอมพ์ CLASS D และ CLASS T เกิดขึ้นจากไทมิงทำงานผิดจังหวะ แอมพ์ CLASS T จะป้อนข้อมูลในเรื่องจังหวะกลับไป ส่วนการเสียของสัญญาณ ยังเกิดจากที่เเอมพ์ใช้ตัวประมวลผลสัญญาณดิจิทอล เพื่อแปลงอินพุท แอนาลอกไปเป็นสัญญาณ PWM และประมวลผลข้อมูลก่อนจะส่งกลับ
การประมวลผล จะดูที่ข้อมูลฟีดแบค และทำการปรับแต่งจังหวะ เพราะลูพฟีดแบคไม่ได้รวมฟิลเตอร์เอาท์พุทเอาไว้ด้วย ในแอมพ์ CLASS T มั่นคงมาก และสามารถทำงานได้เต็มช่องสัญญาณเสียง ซึ่งผู้ฟังส่วนใหญ่ไม่สามารถได้ยินความแตกต่างระหว่าง CLASS T และ CLASS AB ที่ออกแบบดีๆได้
การออกแบบทั้ง CLASS Dและ CLASS T ต่างก็มีปัญหากันคนละอย่าง มันเกินกำลังมาก ที่รอบต่ำเพราะเวฟฟอร์มความถี่สูงๆ จะเกิดขึ้นตลอดเวลาแม้ในช่วงที่ไม่มีสัญญาณเสียงแอมพ์ก็ยีงมีความร้อนตกค้าง หลงเหลืออยู่แอมพ์บางรุ่นจะมีการตัดการทำงานของเครื่องเมื่อหยุดพักใช้งาน และจะกลับมาทำงานใหม่ เมื่อใช้งานโดยอัตโนมัติ

*****CLASS "G"*****
CLASS G เพิ่มประสิทธิภาพขึ้นมาอีกขั้นธรรมดาแอมพ์ CLASS AB จะขับโดยเพาเวอร์ซัยพลาย MULTI-RAIL แอมพ์ 500 วัตต์ อาจจะมี POSITIVE RAIL 3 และ NEGATIVE RAIL 3 ซึ่ง RAIL VOLTAGES อาจจะเป็น 70,50,25 โวลท์เมื่อเอาท์พุทของแอมพ์ขยับไปใกล้ 25 โวลท์ ซัพพลายก็จะสวิทช์ให้ RAIL 50 โวลท์ และเมื่อเอาท์พุทขยับเข้าไปใกล้ 50 VOLT RAIL ซัพพลายก็จะสวิทช์ไปยัง RAIL 70 โวลท์ บางครั้งเรียกการออกแบบนี้ว่า RAIL SWITCH
การออกแบบนี้ เป็นการช่วยเพิ่มประสิทธิภาพ โดยลดการสูญเสียโวลเทจกับทรานซิลเตอร์เอาท์พุทโวลเทจนี้ เป็นความแตกต่างระหว่างซัพพลายบวก หรือแดง กับเอาท์พุทออดิโอ สีฟ้า CLASS G มีประสิทธิภาพเทียบเท่า CLASS D หรือ CLASS T ในขณะที่การออกแบบ CLASS G มีความสลับซับซ้อนมาก โดยตั้งอยู่บนพื้นฐานแอมพ์ CLASS AB และมีคุณลักษณะใกล้เคียงกันมาก

*****CLASS "H"*****
CLASS H มีความคล้ายกับ CLASS G ยกเว้น RAIL VOLTAGE ที่โมดูเลทสัญญาณอินพุทเท่านั้น ที่ไม่มีเพาเวอร์ซัพพลาย RAIL จะสูงกว่าสัญญาณเอาท์พุทเล็กน้อย ปล่อยโวลเทจให้กับทรานซิสเตอร์ตัวเล็ก และระบายความร้อนทรานซิสเตอร์เอาท์พุท วงจรที่คล้ายกับที่ใช้ในแอมพ์ CLASS D นี้ก็คือ มีโมดูเลทเพาเวอร์ซัพพลาย RAIL ที่เหมือนกัน ในส่วนของความสลับซับซ้อนแอมพ์แบบนี้ มีความเหมือนกับแอมพ์ CLASS D แต่ทำงานได้เหมือนกับแอมพ์ CLASS AB
การล้างหัว CD, LD, DVD
การ ล้างหัว CD, LD, DVD สามารถใช้สำลีพันกับไม้ หรือ COTTON BUD เช็ดหัวเลนซ์ไปทางเดียวโดยไม่ต้องชุบน้ำยาใดๆ ทั้งสิ้น การล้างวิธีนี้จะดีกว่า
การล้างดด้วยแผ่น CD แบบมีขนแปรงในแผ่น
ระบบ RDS ( RADIO DATA SYSTEM )
ระบบ RDS ย่อมาจาก RADIO DATA SYSTEM คือวิธีการ รับ-ส่ง ข้อมูลข่าวสารต่างๆ ที่เป็นประโยชน์แก่ผู้รับโดยการส่งสัญญาณเกาะมาด้วยพร้อม
กับสัญญาณ คลื่นวิทยุระบบ DIGITAL เพื่อไปยังผู้ใช้โดยจะสามารถแสดงผลผ่านทางจอหน้าปัดของวิทยุในรถของท่านหรือ ในบ้านก็ได้หากเครื่องรับ
ของท่านเป็นรุ่นที่สามารถรับได้โดยจะแสดงผล เป็นตัวอักษร ข้อความ ตัวเลข หรือรูปแบบอื่นๆ เพื่อไม่ให้เราพลาดข้อมูลข่าวสารที่สำคัญต่างๆ
ในชีวิตประจำวัน เช่น อุบัติเหตุฉุกเฉิน ถนนปิด น้ำท่วมฉับพลัน การจราจร ข้อมูลตลาดหุ้น ข่าวกีฬาบันเทิง หรือสามารถแสดงข้อมูลเกี่ยวกับเพลง
หรือสถานีที่ท่าน กำลังรับฟังอยู่ เช่น ชื่อเพลง ชื่อนักร้อง ชื่ออัลบัม โพรแกรมคอมเสิร์ท การจองตั่วต่างๆ และอีกมากมายในอนาคต อาจกล่าวได้ว่า
เป็นการเปลี่ยนแปลงระบบการกระจายเสียงของเมืองไทยครั้งยิ่งใหญ่และในอนาคตอันใกล้อาจมีระบบอำนวยความสะดวกอีกมากมายตามมา
อาทิ เช่น การขอเพลง ON-LINE ผ่านทางวิทยุ เพื่อรับฟังเฉพาะในรถของท่านเองในลักษณะคล้ายระบบ CABLE TV และยังมี RADIO PAGING
เป็นการใช้งานในลักษณะเดียวกันกับวิทยุติดตามตัวได้อีกในอนาคต
เรื่อง ของระบบเสียง
ระบบ DOLBY SURROUND หรือ ระบบ PRO LOGIC
คือ ระบบ เสียงที่ประกอบไปด้วย ทิศทางของลำโพงที่อยู่ด้านหน้า คือ Center และคู่หน้า Surround (อยู่ซ้าย และ ขวา) พร้อมลำโพงคู่หลัง คือ Surround หลัง(แต่เป็น Mono) และมีตู้ SUB รวมเป็น 4.1 channe
ระบบ DOLBY DIGITAL หรือ ระบบ AC-3
คือ ระบบ สียงที่ประกอบไปด้วย ทิศทางของลำโพงที่อยู่ด้านหน้า คือ Center และคู่หน้า Surround (อยู่ซ้าย และ ขวา) พร้อมลำโพงคู่หลัง คือ Surround หลัง(แต่เป็น Stereo) และมีตู้ SUB รวมเป็น 5.1 channe
ระบบ DTS ย่อมาจาก DIGITAL THEATER SYSTEM
คือระบบเสียงที่มีร่องเสียง 6CH (ถ้า AC-3 เรียกว่า 5.1CH) ระบบนี้ลำโพงจัดแบบ AC-3 มี Center, Surround หน้า,
Surround หลัง, และ Subwoofer แต่สัญญาณ DTS จะมีความชัดเจนกว่า ระบบ AC-3 ตรงที่ว่าสัญญาณที่ออกมาจากเครื่อง
เล่น CD หรือ DVD ไปที่เครื่องถอดรหัสเป็นสัญญาณดิจิตอล ซึ่ง AC-3 เป็นสัญญาณอนาล็อก เสียงของ DTS จึงมีความชัดเจน และให้ความสมจริงเหนือกว่า
ระบบ SDDS ย่อมาจาก SONY DINAMIC DIGITAL SOUND
คือระบบเสียงที่มี 7.1CH ส่วนใหญ่จะใช้ในโรงภาพยนต์ มีลำโพง Center, Surround หน้า, Surround หลัง, Subwoofer
และมีเพิ่มจากระบบ DTS ตรงที่มี Surround กลาง อีก 2CH เสียงให้ความชัดเจนขึ้น แต่เสียงในระบบ DTS จะเคลียร์
และฟังดีกว่า เนื่องจากเป็นระบบ DIGITAL ซึ่งเปิดจาก CD ROM LINK กับแผ่นฟิลม์หนัง แต่เสียงในระบบ SDDS
ใช้เสียง DIGITAL ในร่องหนามเตย จึงมีความคมชัดสู้ระบบ DTS ไม่ได้
ระบบ HI-POWER
คือ ระบบที่ใช้กำลังในตัวเอง เช่น วิทยุ-เทป ติดรถยนต์โดยทั่วไป ซึ่งปัจจุบันมีกำลังวัตต์ถึง (60W x 4CH) แล้วขับกำลังในตัวเองออกสู่ลำโพง
ระบบ SINGLE-AMP
คือระบบ วิทยุ-เทป หรือ ซีดี ถ่ายทอดสัญญาณสู่ AMP 1 ตัว (2 CH) โดยใช้กำลังวัตต์จาก AMP ขับกำลังออกสู่ลำโพง
ระบบ BI-AMP
คือ ระบบ เสียงที่ใช้ AMP 2 ตัว (ตัวละ 2CH) ตัวแรก ขับลำโพงซับวูฟเฟอร์ ตัวที่ 2 ขับลำโพงกลางแหลม โดยอาศัย อิเลคทรอนิคครอสส์ 2ทาง จ่ายความถี่ต่ำ และความถี่กลางแหลมให้
ระบบ TRI-AMP
คือระบบ เสียงที่ใช้ AMP 3 ตัว (ตัวละ 2CH) AMP ตัวแรกขับลำโพง ซับวูฟเฟอร์ AMP ตัวที่ 2 ขับลำโพงเสียงกลาง AMP ตัวที่ 3 ขับลำโพงเสียงแหลม เสียงย่าน ต่ำ, กลาง, และสูง อิสระโดยมี อิเลคทรอนิคคอรสส์ แบบ 3 ทาง เป็นตัวจ่ายสัญญาณให้
ระบบ CROSS-AMP
คือ ระบบเสียงที่ใช้ AMP 4 ตัว (ตัวละ 2CH) AMP ตัวแรก ขับลำโพงซับวูฟเฟอร์(ทุ้ม) AMP ตัวที่ 2 ขับลำโพงเสียงต่ำ AMP ตัวที่ 3 ขับลำโพงย่านกลาง
AMP ตัวที่ 4 ขับลำโพงย่านสูง โดยมี อิเลคทรอนิคคอรสส์ แบบ 4 ทาง เป็นตัวจ่ายสัญญาณเหล่านี้ให้
ศัพท์เครื่องเสียง
A
AAD
หมาย ถึง เสียงดนตรีที่ได้ถูกบันทึกเป็นต้นฉบับในรูปแบบของสัญญาณอนาล็อก และต่อมาได้แปลงสัญญาณให้เป็นรูปแบบของสัญญาณดิจิตอลเพื่อบันทึกลงบนแผ่น CD
AC-3
หมายถึง ดูได้จากคำว่า Dolby Digital คือระบบเซอร์ราวท์ 5.1 CH
ADD
หมาย ถึง เสียงดนตรีที่บันทึกต้นฉบับ (มาสเตอร์) เป็นสัญญาณอนาล็อก หรือการนำเอามาสเตอร์ดังกล่าวมาแปลงเป็นสัญญาณดิจิตอล และเก็บข้อมูลดิจิตอลดังกล่าวลงในแผ่น CD
Alignment
หมายถึง การจัดวางทิศทางของหัวเข็มให้ได้ฉากกับร่องแผ่นเสียง เพราะหากทิศทางและมุมของการวางหัวเข็มไม่ถูกต้องเสียงที่ออกมา นั้นจะมีความผิดเพี้ยนสูง ในขณะเดียวกัน Alignment นี้จะรวมไปถึงการจัดวางหัวเทปให้อยู่ในทิศทางที่ถูกต้องเช่นเดียวกัน
Amplifier
หมาย ถึง เรื่องของภาคขยายให้สัญญาณแรงขึ้นให้เพียงพอที่จะขับเสียงของลำโพงได้ การขายสัญญาณจะแบ่งเป็นสองช่วงคือ การขยายสัญญาณอ่อน เรียกว่า Pre-Amplifier ส่วนนี้จะขยายสัญญาณให้แรงขึ้นมาระดับหนึ่งก่อนที่จะป้อนเข้าภาคขยายตัวจริง คือเพาเวอร์แอมป์ และเมื่อในสองส่วนนี้มารวมกันในตัวเดียวกันเราเรียกว่า Integrated - Amplifier
Analogue
หมายถึง สัญญาณที่เป็นรูปคลื่นเสียงตามปกติ การรับและส่งสัญญาณก็เช่นเดียวกัน จะไม่เป็นสัญญาณข้อมูลตัวเลขเหมือนสัญญาณดิจิตอล
Anti-skating
หมายถึง เป็นตัวดึงและรักษาให้โทนอาร์มของเครื่องเล่นแผ่นเสียงมีแรงต้านทาน การดึงเข้าสู่ศูนย์กลางในขณะที่เครื่องกำลังทำงาน
A COUSTIC
หมายถึง สภาพแวดล้อมที่ส่งผลต่อคลื่นเสียง รวมทั้งปริมาตร และรูปลักษณ
ALTERNATOR
หมาย ถึง ส่วนหนึ่งของระบบไฟฟ้าในรถ อุปกรณ์นี้สามารถแบทเตอรี ขณะที่เครื่องยนต์ทำงานแล้วป้อนกระแสไฟไปให้อุปกรณ์ไฟฟ้ารวมทั้งตัวเพา เวอร์แอมพ์ อุปกรณ์ตัวนี้จะผลิตกระแสไฟ ระหว่าง 30-60 แอมแพร์
ALTERNATOR WHINE
หมายถึง เสียงความถี่สูงเกิดจากเครื่องทำกระแสไฟ ที่ขยายผ่านเข้าทางระบบเสียงเนื่องจากติดสายลงดินไม่แน่น ดูเพิ่มจากคำ GROUND LOOP
ALUMINIUM ALLOY
หมายถึง โลหะผสมชนิดหนึ่ง นิยมนำมาทำโดมทวีเตอร์
AMP-RAC
หมายถึง แผงติดตั้งแอมพ์ที่สร้างจากโลหะ สามารถยึดแขวนได้
ANGLE ALGNMENT
หมายถึง การปรับตั้งมุม หรือทิศทางของลำโพง
APERIODIC
หมายถึง ประเภทตู้ซับวูเฟอร์ ที่ออกแบบขึ้นเพื่อเพิ่มช่วงความถี่
AUX (AUXILARY)
หมายถึง ช่องสัญญาณเข้า (เสริม)
AXIS
หมายถึง ทิศทางของเสียจากลำโพง เช่น ON-AXIX ทิศทางของลำโพงหันไปยังหูผู้ฟังโดยตลอด
B
Balanced connections
หมาย ถึง การต่อวงจรไฟฟ้าแบบบาลานซ์ เพื่อจัดการให้สัญญาณไม่ว่าขั้วบวกหรือขั้วลบ เปลี่ยนไปจากปกติ ยิ่งเป็นสัญญาณบวกมาเทียบกับระดับอ้างอิง (หมายถึง การลงกราวด์) การต่อสัญญาณแบบบาลานซ์ คือการใช้สัญญาณบวกและลบผ่านมาในตัวนำที่มีการซีลด์ (หุ้มฉนวน) มาอย่างดี เพื่อป้องกันสัญาณรบกวน การต่อแบบนี้นิยมใช้กันในห้องบันทึกเสียงและชุด PA เนื่องจากต้องเดินสายเป็นระยะทางยาวๆ ดังนั้น โอกาสที่สอดแทรกเข้าสู่ระบบเสียงจึงมีอยู่สูง
Bass
หมายถึง ความถี่ต่ำและเป็นระดับเสียงตัวที่ 5 ของทางเสียงดนตรี เสียงเบสที่ดีนั้นหมายถึง การถ่ายทอดเสียงของเครื่องดนตรีที่เล่นเป็นริธึ่มออกมาได้ชัดเจน
Bass reflex
หมาย ถึง รูปแบบหนึ่งของการออกแบบตู้ลำโพง เพื่อให้เกิดการอัดคลื่นในตู้ผ่านท่อออกมาในย่านความถี่ต่ำ ซึ่งทำให้เสียงเบสที่ได้นั้นหนักแน่นขึ้น
ฺBiamping
หมายถึง รูปแบบของการต่อเพาเวอร์แอมป์เข้าไปกับซับวูฟเฟอร์ ลำโพงมิดเร้นจ์ และทวีตเตอร์ โดยใช้เพาเวอร์แอมป์ 2 ตัว และใช้เพาเวอร์แอมป์ตัวแรกขับซับวูฟเฟอร์โดยตรง ส่วนตัวที่สองใช้ขับลำโพงมิดเร้นจ์และทวีตเตอร์
Binding post
หมายถึง วงแหวนของขั้วต่อสายลำโพงที่สามารถต่อเล่นแบบไบวายร์ หรือต่อเล่นเป็นแบบธรรมดา
Bit
หมาย ถึง ข้อมูลทางสัญญาณดิจิตอล ซึ่งแบ่งออกเป็นช่วงสั้นๆ ของชุดสัญญาณ เช่น อาจเป็น 8 Bit, 14 Bit ซึ่งจะบอกถึงความแรงของสัญญาณในช่วงหนึ่งๆ ของเครื่องเล่น CD, DVD, Video CD
ฺBitstream
หมายถึง วิธีการเปลี่ยนสัญญาณดิจิตอลมาเป็นสัญญาณนาล็อกสำหรับซีดี ตัวแปลงสัญญาณในระบบ Bitstream นี้ จะจัดการถอดรหัสดิจิตอลด้วยความเร็วสูงกว่าระบบ DAC ทำให้มีความต่อเนื่องราบเรียบกว่า
Biwiring
หมายถึง การต่อสายลำโพงสองชุด แยกสำหรับวูฟเฟอร์และมิดเร้นจ์ ทวีตเตอร์ ลดการรบกวนในสายลำโพง
Bridging
หมาย ถึง การเพิ่มกำลังขับของเพาเวอร์แอมป์ให้มากขึ้น ด้วยการให้สัญญาณจากขั้วบวกของแชนแนลที่หนึ่งและขั่วลบของแชนแนลที่สองของ เพาเวอร์แอมป์ ต่อเข้าบวกลบของลำโพงโดยตรง ในกรณีที่ต้องการเล่นเป็นสเตอริโอนั้น ก็ใช้เพาเวอร์แอมป์สองตัว การต่อแบบริจด์นี้ส่วนใหญ่ใช้ต่อเพื่อขับซับวูฟเฟอร์ ไม่รวมถึงทวีตเตอร์เพราะกำลังขับสูงๆ อาจทำให้ทวีตเตอร์เสียหายโดยง่าย
BASS CONTROL
หมายถึง การปรับแต่งเสียงเบสส์
BASS UP FRONT
หมายถึง เสียงเบสส์จากด้านหลังแผ่มาถึงด้านหน้า
BANDPASS
หมายถึง ตู้ซับวูฟเฟอร์ชนิดที่มี 2 ห้อง ซ่อนตัวลำโพงด้านในติดตั้งที่ผนังตู้บริเวณที่อยู่ในตู้ หรือการตัดความถี่เป็นช่วง
BANDWIDTH
หมายถึง เกี่ยวกับภาคทูเนอร์ วงจรในเพาเวอร์แอมพ์หรือ ครอสส์โอเวอร์เป็นช่วงความถี่ระหว่าง 2 จุด
BRIDGE MONO
หมายถึง การต่อสัญญาณเอาท์พุทเพาเวอร์แอมพ์จาก 2 แชนแนลเป็น 1 แชนแนลเพื่อให้ได้กำลังขับเพิ่มขึ้น
BUTTERWORTH
หมายถึง ประเภทวงจรตัดความถี่ในครอสส์โอเวอร์ ที่ให้สัญญาณแฟลท

วิธีการต่อ ชุดเครื่องเสียงรถยนต์

วิธีต่อเครื่องเสียงรถยนต์อย่างง่าย

ต่อวิทยุติดรถยนต์

ต่อให้มันติดก่อน ต่อตัวเดียวเลย
เมื่อมันติดแล้ว ค่อยมาว่ากันต่อไป
ที่วิทยุติดรถยนต์ เราต้องการแค่3เส้นคือ
  • สีเหลือง ต่อเข้าไป+12เลยตรงๆ
  • สายสีแดงเข้าสวิชกุญแจ
  • สายสีดำ เข้า-หรือ กราวด์
ใด้ตามนี้ วิทยุติดรถยนต์ ต้องติดพร้อมใช้งานใด้
หากใด้ตามนี้ถือว่า จบ
แต่จะมีสายไฟสีฟ้าอยู่อีกเส้นที่เราต้องการ คือเส้นนี้ จะคอยปล่อยไฟ+12ออกมาตอนที่เราเปิดวิทยุติดรถยนต์เครื่องนี้
หากเราปิดวิทยุติดรถยนต์ ไฟตรงนี้ จะหายไปด้วย ตรงนี้ พักเอาไว้ก่อน

ต่อไฟเข้าปรีแอมป์

ที่ปรี มันจะมีสายไฟอยู่3เส้นคือ + - rem
ให้ต่อสายไฟสีเหลือง เข้า+12ตรงๆเช่นกัน ส่วนสีดำก็เข้า-หรือกราวด์
จะเหลือสายrem เอาสายเส้นนี้แหละ เข้าไปจั๊มกับสายสีฟ้าของซีดีที่กล่าวไว้ข้างต้น
พอเราเปิดซีดี ปรีแอมป์ของเราก็จะทำงานทันที

ต่อเพาเวอร์แอมป์รถยนต์

ก็จะมี3จุดเช่นกันคือ +12 ก็ต่อเข้าแบตตรงๆเลย จะผ่านฟิวส์ผ่านโช๊คอะไรก็ตาม
แต่มันต้องถึง+12โวลต์ก่อน
จุดที่2คือ สายกราวด์ หรือ- นั่นแหละ ก็ต่อลงกราวด์ลงโครงรถไปเลย จบไป
ส่วนจุดที่3คือ สายrem ที่ต่องจั๊มรวมกับสายremของปรีแอมป์นั่นแหละ รวมกันหมดเลยทั้ง
ปรีและแอมป์ ถ้าต่อใด้ตามนี้ ต้องเปิดติดไช้ใด้แน่นอน
ทีนี้ มันจะมีปัญหาว่า สีที่ผมบอก มันอาจจะไม่ตรงกันก็ใด้
บางยี่ห้อก็คนละสีกัน